หนึ่งสัปดาห์เต็มในสัปดาห์แรกของการเทรดปี 2019 อาจมีลักษณะที่มีความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น การกลับมาของความเสี่ยง และมีความผันผวนน้อยลงมากในตลาดหุ้น ต้องขอบคณรายงานการประชุมจาก FOMC ของสหรัฐอเมริกาและการหารือของเฟดที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะชะลอการกระชับนโยบายการเงินเพิ่มเติมพร้อมสัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนว่าผู้กำหนดนโยบายกำลังรับฟังตลาด ปัจจัยนี้ควบคู่กับการกลับมาเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนช่วยหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นสหรัฐ S&P 500, Dow Jones Industrial Average และ NASDAQ Composite ปรับขึ้นอย่างแข็งแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ 2.5%, 2.4% และ 3.5% ตามลำดับ
การเปลี่ยนแปลงของเฟดไปสู่ท่าทีที่โอนอ่อนเป็นข่าวดีต่อความเชื่อมั่นในความเสี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ยังไม่เพียงพอที่จะคุมกระทิงให้อยู่หมัด หลายปัจจัยกระตุ้นอาจสนับสนุนหรือยุติการฟื้นตัวของตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งรวมถึงการประกาศผลประกอบการ ข้อมูลมหภาค การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐ และการโหวต Brexit
ข้อมูลที่เผยแพร่จากประเทศจีนเมื่อเช้านี้ไม่เป็นใจเท่าใดนัก ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรายงานว่ายอดส่งออกรายเดือนลดลงมากที่สุดในรอบสองปี ซึ่งเป็นการยืนยันความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่การชะลอตัว โดยควรกล่าวโทษการเพิ่มภาษีนำเข้าของสหรัฐ แต่ก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเนื่องจากการส่งออกของจีนไปยังส่วนที่เหลือของโลกก็ลดลงเช่นกัน จากผลของตัวเลขติดลบที่น่าตกใจ ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงและฟิวเจอร์สชี้ว่าราคาเปิดตลาดยุโรปและสหรัฐจะปรับลง ในขณะที่กลุ่มสกุลเงินเสี่ยงสูงเช่นเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ประสบกับการดิ่งลงมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลัก
แรงเสี่ยงของนักลงทุนในหุ้นจะถูกทดสอบอย่างหนักในสัปดาห์นี้เนื่องจาก Corporate America เริ่มประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 4 Citi Group เป็นธนาคารสหรัฐรายใหญ่รายแรกที่จะรายงานผลในวันนี้ JP Morgan และ Wells Fargo จะตามมาในวันอังคาร Goldman Sachs และ Bank of America จะประกาศในวันพุธ ขณะที่วันพฤหัสบดีจะมี Morgan Stanley คู่มากับ Netflix นักลงทุนจะต้องจับตาดูตัวเลขการเติบโตของสินเชื่อให้ดีเนื่องจากจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจโดยรวม การเพิ่มขึ้นของบทบัญญัติใดๆ การควบรวมกิจการ และการปิดทำการจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจที่แท้จริงในสายตาของธนาคาร
การโหวต Brexit น่าจะเป็นข่าวพาดหัวในเกือบทุกฉบับของสัปดาห์นี้ ซึ่งพรุ่งนี้ House of Commons มีกำหนดการโหวตข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยคาดว่าพระราชบัญญัติจะถูกโหวตไม่เห็นด้วย แต่สิ่งนี้ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีอิทธิพลต่อทิศทางของเงินปอนด์ แต่อยู่ที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เราจะได้เห็นการโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่? หรือนางเทเรซา เมย์จะพยายามคว้าความยินยอมจากสหภาพยุโรปอีกครั้ง? จะมีการขยายเวลาในมาตรา 50 หรือไม่? หรือแม้แต่สถานการณ์ที่สุดโต่งอย่างเช่นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่และการลงประชามติครั้งที่สอง? แต่ละสถานการณ์เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเงินปอนด์แตกต่างกัน แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่านักลงทุนจะอยู่ในโหมดรอดูเนื่องจากสเตอร์ลิงทรงตัวเทียบกับดอลลาร์อยู่แถว 1.2850
ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน